เพื่อนเก่าแก่ที่สุดที่ผมมี เห็นจะเป็นเพื่อนสมัยมัธยมต้น และเพื่อนหนึ่งคนนั้นเราเติบโตผ่านเส้นแห่งวัยมาด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายๆอย่างระหว่างกันเรื่อยมา บางทีเวลาอาจ พลัดพรากให้เราจากกันไปบ้าง แต่มิตรภาพที่กลับมาเชื่อมต่อกันได้อีกครั้งเมื่อเราเปิดใจ เราจึงเคยเป็นทั้งเพื่อนวัยเด็ก อดีตเพื่อนร่วมห้อง (Roommate) และทุกวันนี้เราก็เป็นเพื่อนยกแก้วไวน์และไปวัด
แต่ระยะเวลาคงไม่ใช่ปัจจัยเดียว
ที่ทำให้เราถูกจริตกับใครซักคน
(หรือหลายคน)
เพื่อนคนหนึ่งที่ผมรู้จัก เราแตกต่างกันหลายอย่าง ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือเพศ
แต่เพศที่แตกต่างสวนทางกับความสนใจหลายอย่างที่เรามีร่วมกัน
บางครั้งผมก็ถึงกับแปลกใจที่บางสิ่งที่ตัวเองคิดไปตรงใจเพื่อนคนนี้ ทั้งๆที่เราเพิ่งสนิทชิดเชื้อและเป็นเพื่อนกันได้ไม่นาน
(แถมเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนของเพื่อนเสียอีก)
บางทีเราก็ถูกจริตและเป็นเพื่อนกับใครสักคนได้โดยปราศจากเงื่อนไขของเวลา
เช่นเดียวกับที่ระยะทางก็ไม่เคยทำลายมิตรภาพ...
เมื่อผมยังเด็กผมเคยคิดว่าเพื่อนหมายถึงบุคคลแวดล้อมที่รับรู้เรื่องราวของกันและกันเสมอ
แต่พอเอาเข้าจริงเมื่อเติบโตขึ้นผมถึงได้เข้าใจมากขึ้นว่า เพื่อนไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเราเสมอ ขอแค่เข้าใจ
ในสิ่งที่เราเป็นก็เพียงพอแล้ว
ผมกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เรามีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน ระยะทางทำให้ชีวิตเราเกี่ยวข้องกันน้อยลง
เราไม่ได้รับรู้เรื่องราวภายในใจของกันและกันมากนัก
แต่เขากลับยังคงเป็นเพื่อนที่ผมรู้สึกเสมอว่าเขาคือเพื่อน
(ที่สำคัญเขาเป็นเจ้าหนี้ที่ดีเสมอมาด้วย อิอิ)
ถ้าหากเราพบเจอใครสักคน
(หรือหลายคน) ที่เรียกว่า "เพื่อน"
เราคงไม่จำเป็นต้องหานิยาม
แต่เราจะทำอย่างไรเพื่อรักษาเขาไว้กับเราให้ได้นานที่สุด
ว่ากันว่าเมื่อเราเติบโตขึ้นเพื่อนจะลดจำนวนลง
ผมรู้สึกแบบนั้นจริงตอนที่ผมเริ่มอายุมากขึ้น
เพียงแต่ความที่ว่าก็มีความหมายซ่อนอยู่หลายอย่าง ความจริงอย่างหนึ่งคือ เพื่อนไม่ได้ลดจำนวนลง แต่พวกเขาต่างมีชีวิตของตัวเองมากขึ้น เช่นเดียวกับที่เราก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ต่างคนต่างขับเคลื่อนชีวิต แต่มิตรภาพก็เหมือนเส้นใยบางๆที่ไม่เคยขาดออกจากกัน
เมื่อเติบโตขึ้นเพื่อนจะจำนวนลดลง...
บางที 'เวลา' ก็ช่วย 'กรอง' ให้วันหนึ่งเราเหลือแต่เพื่อนที่รู้สึกว่าคือ 'เพื่อน'
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น